ตำรวจญี่ปุ่นเข้าจับกุม หญิงไทยทิ้งทารก หลังจากที่กล้องวงจรปิดจับภาพวินาทีเศร้าไว้ได้ เจ้าตัวรับเป็นลูกที่ตนคลอดออกมาเอง เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม สำนักข่าว ANN ของประเทศญี่ปุ่นได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศญี่ปุ่นได้เข้าจับกุม หญิงไทยวัย 23 ปี หลังจากที่เธอได้ก่อเหตุทิ้งทารกในห้องทิ้งขยะของอาคารที่เมืองคาวาซากิ ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อช่วงเวลาประมาณ 7.45 น. ของวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น
โดยเธอถูกจับกุมหลังจากที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพวินาทีที่
หญิงไทยทิ้งทารก ซึ่ง หญิงไทยคนดังกล่าว ยอมรับว่าเด็กทารกที่นำไปทิ้งเป็นลูกที่เธอคลอดออกมาเอง ขณะที่เด็กชายนั้นเสียชีวิต และไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป หากอ้างอิงตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นนั้น ผู้ที่ทอดทิ้งบุคคลในอุปการะของตน (เด็ก คนชรา ผู้พิการ) จนทำให้เสียชีวิต มีโทษจำคุก 3 ปี ถึง 20 ปี แต่หากเด็กเสียชีวิตหลังคลอดแล้วนำจึงมาทิ้ง จะมีความผิดฐานทิ้งศพ โทษจำคุก 3 เดือน ถึง 5 ปี
นอกจาก บลูมเบิร์ก แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ อีกหนึ่งสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ได้รายงานถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งทาง นิคเคอิ สำนักข่าวญี่ปุ่นก็ได้รายงานโดยอ้างอิงทางรอยเตอร์ พร้อมรายงานไปทิศทางเดียวกันว่า ทางลาซาด้าปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อการออกมาแบนของกองทัพ
ขณะที่ SCMP สำนักข่าวของประเทศจีนได้รายงานถึงการที่ กองทัพแบนลาซาด้า พร้อมยังได้รายงานยกตัวอย่างเปรียบเทียบกรณีที่ เพนกวิน หรือ พริกษ์ ชิวารักษ์ นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย ถูกตั้งข้อหา ม.112 มากถึง 23 ข้อหา นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2563 มีประชาชนถูกตั้งข้อหาดังกล่าวแล้ว 170 คน
เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ลูกชายของอดีตผู้นำเผด็จการ เอาชนะการ เลือกตั้งฟิลิปปินส์ แบบถล่มถลาย หลังคว้าคะแนนเสียงมากกว่าคู่แข่งเป็นเท่าตัว เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ลูกชายของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการ ชนะการเลือกตั้งฟิลิปปินส์ อย่างไม่เป็นทางการ
ซึ่ง ผลเลือกตั้งฟิลิปปินส์ ระบุว่าหลังจากที่การนับคะแนนเสียงเสร็จสิ้นไปแล้วกว่าร้อยละ 93.8 และพบว่านาย มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับเสียงโหวตเกือบ 30 ล้านเสียง ซึ่งเป็นคะแนนเสียงที่มากกว่า เดนิ โรเบรโด คู่แข่งคนสำคัญเป็นเท่าตัว ซึ่งการชนะเลือกตั้งในครั้งนี้จะทำให้ตระกูล มาร์กอส กลับมาครองอำนาจในรอบ 36 ปี หลังจากที่ถูกขับไล่จากการรุกฮือของประชาชน
โดยว่าที่ประธานิบดีฟิลิปปินส์ระบุว่า เขาหวังว่าทุกคนจะไม่เบื่อที่จะเชื่อมั่นในตัวพวกเขา และตอนนี้พวกเขามีงานให้ทำหลายอย่าง ซึ่งความพยายามของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่และเกี่ยวข้องกับหลายคน
ทั้งนี้คาดว่าผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะออกมาช่วงสิ้นเดือนนี้
ด้านผู้เชี่ยวชาญคาดว่าในช่วง 6 ปีถัดจากนี้ นาย มาร์กอส จูเนียร์ น่าจะยังดำเนินบริหารประเทศแบบเด็ดขาด และ โหดเหี้ยม แบบที่ นาย โรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระในเร็วๆนี้ ซึ่งนาย มาร์กอส จูเนียร์ น่าจะสานต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของนาย ดูแตร์เต และ กระชับความสัมพันธ์ระหว่าง ฟิลิปปินส์-จีน
หนุ่ม ตกหลุมรัก แม่แท้ ๆ หลังได้กลับมาเจอกัน รับกับภรรยา เซ็กส์กับแม่วิเศษสุด ๆ
รักต้องห้าม! หนุ่ม ตกหลุมรัก แม่แท้ ๆ หลังได้กลับมาเจอกัน รับกับภรรยา เซ็กส์กับแม่วิเศษสุด ๆ แม้แต่ตอนจูบภรรยายังนึกถึงหน้าแม่ เป็นเรื่องราวที่ถูกแชร์ออกไปอย่างกว้างขวางบนโลกโซเชียล หลังจากที่เวปไซต์ Dailystar ได้ออกมารายงานข่าวของ เบน ฟอร์ด (Ben Ford) วัย 32 ปี ผู้ซึ่งถูกรับเลี้ยงในระบบอุปถัมภ์และมีคนรับไปเลี้ยงตั้งแต่เกิด แต่เขาก็ได้พบกับแม่แท้ ๆ คิม เวสท์ (Kim West) วัย 51 ปี หลังจากที่เขาได้ส่งจดหมายไปบอกว่าอยากเจอเธอ
ทั้งคู่พบกันในปี 2014 โดยนัดหมายกันที่โรงแรม ซึ่งพวกเขาได้เปิดแชมเปญดื่มกัน ก่อนจะเริ่มจูบกัน ซึ่งต่อมาเบนได้สารภาพกับภรรยาของเขาว่า เขาตกหลุมรักแม่ของตัวเอง และหลังจากที่เขาได้มีเซ็กส์สุดวิเศษกับแม่ ตั้งแต่นั้นมาทุก ๆ ครั้งที่เขามีเซ็กส์กับภรรยา เขาจะต้องนึกภาพที่เขาจูบกับแม่ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเขาจะทำต่อไม่ได้
ผู้เป็นแม่ยอมรับว่าตนเองเกิดความหึงหวงขึ้นในใจเวลาที่เห็นลูกชายอยู่กับภรรยาของตน และสัมผัสได้ถึง ความรู้สึกเชิงแข่งขันที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และท้ายที่สุด เบนก็เลือกที่จะทิ้งภรรยาของเขา ไปอาศัยอยู่กับแม่ของเขาในรัฐมิชิแกน สหรัฐฯ และเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน พวกเขาก็ต้องใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ เนื่องจากการร่วมประเวณีระหว่างคนที่มีสายเลือดเดียวกัน เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในท้องถิ่น
หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญมาตรา 149 และตาม พรป.ป.ป.ช.มาตรา 173 และจะได้ดำเนินการสอบสวนขยายผลต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ส.ต.ท หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นอันตรายสาหัส และร่วมกันค้ามนุษย์ อัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 8-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนเพื่อน สตท.หญิง แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายสาหัส แต่ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงเรื่องการค้ามนุษย์
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น